สารจากคณะกรรมการบริษัท

นายสมพงษ์ เผอิญโชค รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่

ปี 2566 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเผชิญกับความท้าทายหลายประการ อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว จากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบ, ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ฯลฯ แม้ว่าจะมีสัญญาณบวกจากนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยการสนับสนุนสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้บริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาไทย แต่ในช่วงแรก ปี 2565-2566 ยกเว้นอากรนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป และในช่วงปี 2567-2568 มีเงื่อนไขต้องผลิตในประเทศเพื่อชดเชยการนำเข้าในอัตรา 1-1.5 เท่า ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยปี 2566 อยู่ที่ 1.83 ล้านคัน  ลดลง 3% และยอดขายในประเทศ 0.77 ล้านคัน ลดลง 8% จากปีก่อน ปัจจัยหลักจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 7 หมื่นกว่าคัน ที่มาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ รวมถึงการที่สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์จากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าในปี 2567 อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ 1.9 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 3% เนื่องจากไทยยังคงเป็นฐานการผลิตรถกระบะส่งออกทั่วโลก, การเปิดประเทศของจีน, สถานการณ์ขาดแคลนชิปคลี่คลายลง และคาดว่าปี 2567 จะมีการผลิตรถ EV ในประเทศเพิ่มขึ้น

จากสถานการณ์เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2566 ที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อปริมาณงานที่ลดลง โดยในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,546 ล้านบาท ลดลง 14% และมีกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท ลดลง 54% จากปีก่อน โดยสาเหตุหลักจากปริมาณงานที่ลดลงทั้งกลุ่มลูกค้า Automotive และ Industrial Machinery และสัดส่วนผลิตภัณฑ์ (Product Mix) ที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่ออัตรากำไรที่ลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ พยายามบริหารจัดการต้นทุนการผลิต ควบคุมและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่องตามแนวทางของระบบ TPM

สำหรับปี 2567 บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า ดังนี้

  1. มุ่งเน้นการใช้ขีดความสามารถด้านวิศวกรรมต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์รถยนต์อเนกประสงค์ (Purpose Built Vehicle) เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานเฉพาะด้านของลูกค้าที่หลายหลาย เพื่อขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  2. ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพขยายโอกาสทางธุรกิจไปสู่ EV Value Chain ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การรับจ้างประกอบ พ่นสีให้ผู้ผลิตรถไฟฟ้า, การผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับชุดแบตเตอรี่ หรือชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า (EV key parts), การผลิตแม่พิมพ์และชิ้นส่วนตัวถัง โดยใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา เป็นต้น
  3. การขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Industrial Machinery ซึ่งเป็นงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีทั้งในและต่างประเทศ เช่น การผลิตแม่พิมพ์ ชิ้นส่วน ประกอบและพ่นสี ห้องโดยสาร สำหรับรถขุดตัก รถเครื่องจักรก่อสร้าง รถเครื่องจักรกลทางการเกษตร เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการบริหารงานให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะพยายามดำเนินกิจกรรมในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) มากขึ้น รวมถึงการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน และลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในอนาคต

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผมขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน พันธมิตรและผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจ ตลอดจนผู้บริหารและพนักงานของบริษัททุกท่าน ที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการสนับสนุนการดำเนินการต่าง ๆ ของบริษัทให้ประสบความสำเร็จด้วยดีเสมอมา ผมและคณะกรรมการทุกท่าน จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อนำพาบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่นยืนต่อไป

นายสมพงษ์ เผอิญโชค รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่